เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๒ มิ.ย. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ประเดี๋ยวเราแจกเทป มันเป็นเทปเทศน์ครั้งสุดท้าย “กุญแจใจ” กุญแจใจนะเราย้อนกลับไง กุญแจไขหัวใจ เวลาเราศึกษาปฏิบัติธรรมกัน เราว่าธรรมะต้องบริสุทธิ์ เห็นไหม เราจะบอกเอาธรรมที่บริสุทธิ์ สิ่งที่บริสุทธิ์ธรรมะถึงแก้กิเลสได้ แต่ไม่ได้คิดว่าเราเกิดมาจากกิเลส เราเกิดมาจากกิเลส กิเลสมันเป็นเรา เห็นไหม เวลากุญแจจะไขมันต้องกุญแจของเราไง

เราไปศึกษาในพระไตรปิฎกมันเป็นกุญแจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กุญแจหลวง กุญแจที่ใหญ่โตมาก แต่เราประพฤติปฏิบัติ นี่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบนะ เราสาวก สาวกะ เราได้ยินได้ฟังขึ้นมา เราต้องหัดขึ้นมา ต้องทำของเราขึ้นมา ถ้าเราทำของเราขึ้นมา สิ่งที่ทำขึ้นมา ถ้าเราทำขึ้นมาโดยกิเลส เห็นไหม กุญแจ ๓ ดอกมันมี อาสวะ ๓ กิเลสสวะ อวิชชาสวะ ภวาสวะ

สิ่งที่อาสวะ ๓ กิเลสสวะ กิเลสสวะมันเป็นกิเลส กิเลสความที่เรามีตัณหาทะยานอยาก แต่ความใฝ่ดี การกระทำดี ถ้าว่าเป็นกิเลสมันก็มีกิเลสเจือปนมาเพราะมันเป็นดีกับชั่ว เวลาประพฤติปฏิบัติต้องข้ามพ้นทั้งดีและชั่ว ความดีก็ต้องข้ามพ้นมันไป แต่ความดีมันเป็นพาหะ เป็นเครื่องดำเนินไปก่อน ถ้าไม่มีความดีดำเนินไป เห็นไหม ลูกที่ดี สังคมที่ดี มันต้องมีความดีก่อน แต่ความดีนี่ทำให้เราติดดี

คนติดดีแย่กว่าคนติดชั่วนะ คนชั่วนี่ ทุกคนในสังคมเห็นว่าเป็นความไม่ดี ถ้าความไม่ดีเราต้องสละ เราต้องทิ้งใช่ไหม? แล้วเวลาเราทำขึ้นมามันเป็นนิสัยของเรา เราชอบของเรา เราทำสิ่งใดเราต้องแอบทำ เราทำให้คนเห็นไม่ได้ แต่ความดีทำที่ไหนก็ได้ แล้วเขาอยากได้ความดีกันด้วย ความดีนี่เขาแสวงหากันนะ ความดี คนทำความดีเขาชื่นชมกัน ดูสิเขาแย่งดีกัน เขาทุจริตในความดีกัน แต่นี่ว่าดีเป็นกิเลสไหม? มันก็เป็นอยู่ แต่มันก็เป็นสิ่งที่จะทำให้เราดีขึ้น

สิ่งที่ดีขึ้น เห็นไหม นี่ถึงว่าถ้ามันเป็นกิเลสมันก็เป็นสิ่งที่ทำแล้วผลตอบรับมันเป็นบาปอกุศล ถ้าเป็นความดีมันเป็นบุญกุศล แต่บุญกุศลมันก็บุญในวัฏฏะ นี่ถ้าอวิชชาไม่รู้มันก็ทำไปประสามัน แต่ถ้าเป็นวิชาล่ะ? ถ้าเป็นวิชา เป็นความรู้ของเรา เป็นการประพฤติปฏิบัติของเรา แม้แต่การประพฤติปฏิบัตินี่นะ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด

การกระทำความหยาบๆ เห็นไหม เริ่มต้นตั้งแต่ทำสมาธิ พอสมาธิมันสงบขึ้นมา มีความสุขขึ้นมา มันว่าสมาธิเป็นผลก็ได้ ถ้าสมาธิเป็นผล สิ่งที่คนไม่เคยทำสมาธิเลยมันเป็นความรู้สึกสามัญสำนึก ยิ่งนักวิชาการนะเวลาประพฤติปฏิบัติจะไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นความจริง ไม่เชื่อว่าเป็นความจริงเพราะเป็นนามธรรม มันเป็นนามธรรมที่เราพิสูจน์โดยทั่วไป

แม้แต่คนประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ไปเห็นอะไรขึ้นมานี่มันเป็นจริตของใจไง ถ้าใจไปเห็นสิ่งที่แปลกประหลาด สิ่งที่โลกเขาคาดหมายไม่ได้ ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกใครนะ เว้นไว้แต่มีครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จริง เราจะไปปรึกษาท่านได้ ถ้าไม่ปรึกษาท่านมันอัดอั้นตันใจนะ จะบอกใครก็ไม่ได้ จะทำสิ่งใดก็ไม่ได้ สิ่งนี้มันเป็นจริตนิสัยของตัวเอง เห็นไหม สิ่งที่มันเป็นจริตนิสัยของตัวเองที่มันพบสิ่งใดมันต้องแก้ไข สิ่งที่แก้ไขนี่วิชาความรู้ วิชาความรู้ นี่วิชา-อวิชชา

นี่อวิชชาก็เป็นความรู้ รู้โดยไม่เข้าใจมันก็เป็นความรู้อันหนึ่ง อวิชชารู้โดยไม่รู้แต่ก็รู้ขึ้นมา รู้ที่เขารู้กัน เห็นไหม จะว่าไม่รู้ก็รู้ มันรู้ของมันแต่มันแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าเป็นวิชานะ เริ่มต้นเข้าไปมันก็มีความมหัศจรรย์ของมันนะ แต่มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด มันจะละเอียดของมันไปเรื่อยๆ แล้วละเอียดที่ไหนล่ะ? แล้วทำที่ไหน?

นี่ไงภพ ภวาสวะ ภพ ภพของใจ เห็นไหม นี่ถ้ามันเป็นภพของใจ สิ่งที่เป็นภพของใจ นี่ที่เราเกิดมาเป็นชาติ สัญชาติ เชื้อชาติ อันนี้มันเป็นสมมุตินะ ภพชาตินี่เพราะตัวภวาสวะ ตัวจิต ตัวฐานความรู้สึก ตัวฐานความคิด ตัวปฏิสนธิจิต จิตปฏิสนธิจิต จิตที่เป็นนามธรรมที่เป็นภพนี่สำคัญมาก เพราะมันพาเกิดพาตาย พาเกิดพาตายนะ ถ้าว่าเป็นจิตเป็นใจมันก็เป็นจิตเป็นใจ เป็นความรู้สึก ถ้าเป็นภพมันเป็นสถานะเลย แล้วมันละเอียด

นี่ถ้าเข้าไปถึงจุดมัน ถ้าเข้าไปถึงกุญแจ ๓ ดอกถ้ามันรวมกัน เห็นไหม นี่อาสวะ ๓ อาสวะ ๓ มันเป็นอาสวะ มันเป็นกิเลส แล้วจะมาเป็นธรรมะได้อย่างไร? มันเป็นธรรมะต่อเมื่อเราฝึกฝน เราแก้ไขของเรา เราประพฤติปฏิบัติของเราขึ้นมา มันเป็นสภาวธรรมขึ้นมา ละเอียดเข้ามาๆ ถ้าละเอียดเข้ามา นี่มันรู้ของมันเข้ามา

เริ่มต้นที่นี่นะ เริ่มต้นจากเรา ถ้าเราแก้ไขของเราได้เราจะจัดการของเราได้ ถ้าเราแก้ไขของเราไม่ได้ เห็นไหม นี่ศึกษาธรรมๆ มามันก็เป็นเรื่องจากภายนอก ภายในมันสกปรกนะ ภายในมันไม่เข้าใจของมันแต่มันไปเอาสิ่งนอกเข้ามา เหมือนเรากู้หนี้ยืมสินมาไม่ใช่เงินของเรา แต่ถ้ากู้หนี้ยืมสินมาแล้วเรามาทำธุรกิจของเรา ผลตอบสนองขึ้นมามันก็เป็นของเรา

นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเราเป็นสาวก สาวกะ มันเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันไม่มี จะไปกู้หนี้ยืมสินใครมาก็ไม่ได้ มันจะไปกู้ใครไม่ได้เพราะมันไม่มีให้กู้ เพราะในโลกนี้มันไม่มี เห็นไหม แต่เราเกิดมาพบพุทธศาสนามันมีอยู่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแก้วสารพัดนึก เรานึกอะไร?

นี่คนหยาบๆ เขามาทำบุญก็หวังแต่บุญกุศลของเขา เขาหวังบุญกุศลของเขา บุญกุศลนะ ถ้ามีบุญกุศลขึ้นมานี่มันชักเข้ามา บุญกุศลมันเป็นผลของวัฏฏะ เห็นไหม นี่ไงที่ว่าติดดี ดีขนาดไหน? ติดดีจนติดประเพณีนะ แล้วทำบุญแล้วไม่ได้บุญ สิ่งที่ทำไม่ได้ดั่งที่เราเข้าใจอยู่มันไม่ได้บุญ บุญมันคือเจตนา บุญคือจิตใจที่มันเสียสละ ถ้ามันเสียสละออกไปมันเป็นความบริสุทธิ์สะอาด มันกลับเป็นความบริสุทธิ์สะอาดด้วย

ดูสิปิดทองหลังพระ คนปิดทองหลังพระนะผลประโยชน์มันมหาศาลเลย มหาศาลจากสิ่งที่เรารู้ของเรา เห็นไหม แล้วเทวดา อินทร์ พรหม เขารู้นะ แต่ถ้าโลกเขาติดดี ทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาว่าทำอย่างนั้นแล้วเขาไม่ได้ความดีของเขา เขาไม่ได้ประโยชน์ของเขา นี่ดีโลกๆ ถ้าดีของเราดีจากภายใน เห็นไหม ดีจากภายในทำดีคือดี แต่ทำดีคือดีแล้วนี่ว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน? ทำดีได้ดีมีที่ไหน? เรารู้ของเรา

ถ้าเราทำบาปอกุศลมันเป็นความรู้สึกของเรานะ เป็นความรู้สึกแล้วมันสะสมลงที่ใจ เวลาเราไม่พอใจสิ่งใดนี่มันขัดข้อง เราว่ากิเลสๆ ไม่มีเหตุผล สิ่งใดที่มันคับข้องใจ แล้วเราต้องการเสียสละ เราต้องการผลักมันออกไป แล้วผลักมันออกอย่างไร? ผลักมันไม่เป็น เห็นไหม มันผลักไม่ได้ เราถึงบอกว่าสิ่งที่ทำแล้วมันเป็นผลมันตกผลึกลงที่ใจหมดแหละ นี่สิ่งที่เราทำดีมันตกผลึก ทำให้คุณงามความดีมันตกผลึกมันก็เป็นจริตนิสัยที่ดีขึ้นมา แล้วมันต้องแก้ไขที่นี่

มันจะปฏิเสธไม่ได้นะ เราเข้าใจกันผิดๆ เราเข้าใจกันว่ามันต้องเอาความสะอาด ธรรมะที่สะอาดเข้ามาชำระเรา ถ้าธรรมะมันสะอาด มันสะอาดที่ตัวของมันคือสมาธิ ถ้าจิตเป็นสมาธิมันจะสะอาดในตัวของมัน เพราะมันไม่คิดวอกแวกวอแวออกไปข้างนอก มันไม่คิดฟุ้งซ่านออกไปข้างนอก แต่ถ้าความคิดฟุ้งซ่านออกไปนี่จิตมันสงบไม่ได้ เพราะมันคิดฟุ้งซ่านขึ้นไป

การคิดฟุ้งซ่านมันต้องมีเหตุผล ทำไมมันถึงคิด? เพราะมันคิดมันมีแรงขับ มีแรงผลักของมันในหัวใจ แล้วในหัวใจ ดูสิคนเรานอนไม่หลับ นอนไม่หลับเพราะอะไร? เพราะมันวิตกกังวล มันคิดมาก แต่คนนอนหลับ เวลานอนหลับจิตมันไปไหน? มันหลับหลับไปไหน?

นี่ก็เหมือนกัน เวลาสมาธิมันเกิดขึ้นมาเหมือนคนนอนหลับ คนนอนหลับพักผ่อน เห็นไหม จิตมันพักผ่อนโดยที่มีสติ มันมีความรู้สึกอยู่นี่ แต่มันสงบเข้ามา นี่มันถึงไปฟุ้งซ่านไง ความฟุ้งซ่านคือความคิดของใจ แล้วเวลาคนนอนหลับไปแล้วมันฝันอะไร? นี่ฝันคือสังขาร คือความคิดในหลับ มันหลับไปแล้วมันมีความคิดของมัน เหมือนนิมิต เวลาจิตที่มันเข้าสมาธิแล้วเห็นนิมิต เห็นไหม บางคนนอนหลับแล้วไม่ฝัน คือจิตมันสงบเข้ามาแล้วมันไม่เห็นนิมิต มันไม่ได้คิดในสมาธิ มันไม่คิดในหลับ

สิ่งนี้มันเป็นขึ้นมาของแต่ละบุคคล มันเป็นไปตามจริตนิสัย ตามสภาวะกรรม กรรมมันสร้างสมมาอย่างไร? มันเป็นไปตามกรรมนั้น เห็นไหม เหมือนเมล็ดพันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์พืชสิ่งใด ถ้าเมล็ดพันธุ์ชนิดนั้นปลูกไปแล้วจะต้องออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์พืชนั้น แต่เมล็ดพันธุ์พืชนั้นขนาดไหนก็แล้วแต่ เราก็ต้องบำรุงรักษาขึ้นมา ให้มันเจริญงอกงามขึ้นมา ให้มันเป็นผลประโยชน์กับเรา

จิตเราก็เหมือนกัน จิตของเรามันจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แล้วปฏิเสธไม่ได้ ของมันมีจากภายใน ดูสิหนี้สินจากภายนอก เราปฏิเสธขนาดไหนเราก็ยังเป็นหนี้นะ ไม่ได้ใช้หนี้มันก็ไม่หมดหรอก นี่ก็เหมือนกัน จิตของเรามันเป็นสภาวะแบบนั้น เราจะเปลี่ยนหนี้ ย้ายหนี้ของเรามันเป็นไปไม่ได้ มันจะเปลี่ยนหนี้ ย้ายหนี้มันต้องเกิดตาย ภพชาติมันเปลี่ยนของมันไป

แต่ในปัจจุบันมันเป็นสภาวะแบบนี้ เราต้องแก้ไขแบบนี้ ถ้าเราแก้ไขแบบนี้เราเข้าใจของเรานะ เราเข้าใจอย่างนี้ เรามีศรัทธา มีความเชื่อ มีความจงใจ ถ้ามีความลงใจ มีความจงใจ การการกระทำของเรามันจะเป็นประโยชน์กับเรา แต่เราไม่ทำด้วยความจงใจ เหมือนเราทำสักแต่ว่านะ เราทำด้วยความลังเลสงสัย ความลังเลสงสัย มันทำแล้วมันกึ่งๆ

นี่จะว่าไม่ได้มันก็ได้ของมัน แต่ได้ของมันมันก็ได้สภาวะแบบนั้น แต่ถ้าจะได้ให้จริงเราทำของเราเลย พิสูจน์ พิสูจน์กับเรา ความเพียรชอบพิสูจน์ในทางที่ดี ถ้าผิดถูกแล้วเราค่อยแก้ไขของเราไป พิสูจน์ให้มันเข้าใจ ถ้าไม่อย่างนั้นมันลังเล มันยังว่าจริงหรือไม่จริงอยู่อย่างนั้น พิสูจน์ถึงที่สุดเลย ทำถึงที่สุดแล้วนะ ถ้ามันเห็นผิดเห็นถูกขึ้นมามันทิ้งของมันเอง มันจะทิ้งของมันเอง

นี่สันทิฏฐิโก มันรู้จากภายในหัวใจนะ มันรู้จากภายในหัวใจแล้ว พอศึกษาแล้วไปอ่านพระไตรปิฎกมันจะซึ้งใจมาก ซึ้งใจในพระไตรปิฎก พระไตรปิฎกนี่พูดถูก เราเข้าใจผิด เราเข้าใจผิดเพราะว่าเหมือนกับเราจะชุบมือเปิบไง เราจะชุบมือเปิบไม่ได้

ในโลกนี้สิ่งที่เป็นวัตถุเขาเจือจานกันได้ เขาช่วยเหลือกันได้ แต่ในการประพฤติปฏิบัติมันต้องเป็นของเราเอง ครูบาอาจารย์คอยชี้นำ คอยเคาะ คอยให้เราได้ฉุกคิด คอยให้เราได้พลิกแพลงขึ้นมา ถ้าเราพลิกใจของเราขึ้นมา เห็นไหม นี่เวลาเรามีความรู้สึก เราแบกความหนักใจอยู่นี่มันแบกหนักไว้มาก แต่เวลามันสลัดทิ้งนะ แล้วมันสลัดทิ้งมันสลัดทิ้งอย่างไร? สลัดทิ้งต่อเมื่อมันรู้ เหมือนเราต้องการหาปลา เราจับงูมาแล้วเราเข้าใจว่าปลา แต่ถ้าเราเข้าใจว่ามันเป็นงูเราจะสลัดทิ้งเลย

ขณะที่มันติดคือมันไม่เข้าใจ เห็นไหม อวิชชามันไม่เข้าใจ มันเป็นความคิด มันเป็นตัวตนของเรา เป็นความคิดของเรา เราต้องคิดว่าเรานี่คิดถูกตลอดไป แต่เรานี่คิดผิด เราคิดผิด เราเห็นผิด ความเห็นผิดนะ มันจริงของสสาร ความจริงของโลก ความจริงทางวิทยาศาสตร์ แต่ความจริงในคุณธรรมไง ความจริงในคุณธรรม นี่วิทยาศาสตร์ของจิตมันมีคุณธรรมของมันอีกนะ มันคิดถูกต้องแล้ว แล้วมันจะคิดถูกต้อง ความถูกต้องเป็นอตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ความถูกต้องต้องทวนกระแสเข้ามาชำระความสกปรกสะอาดจากหัวใจของเรา ความถูกต้องนี้ไม่ใช่ไปชำระความสะอาดสกปรกของคนอื่น ความสะอาดความสกปรกของคนอื่นมันเป็นผลของเขา

นี่มันเป็นกรรมของสัตว์ สัตว์เขาจะฟังเราก็ได้ เขาจะไม่ฟังเราก็ได้ เขาจะเห็นดีก็ได้ เขาจะเห็นลบก็ได้ ทั้งๆ ที่ปรารถนาดี ทั้งๆ ที่ต้องการให้เขาได้คุณงามความดี แต่เขาก็ปรารถนาลบกับเรา เห็นไหม แต่ถ้ามันเป็นคุณธรรมของเรา มันเป็นความปรารถนาดีของเรา มันทวนกระแสเข้ามาจากภายใน มันเข้าไปชำระจากภายใน

พรหมจรรย์นี้เพื่อเรา การปฏิบัตินี้เพื่อเรา ความสะอาดนี้เพื่อจิต ถ้าจิตมันสะอาดหมดแล้ว ทำความสะอาดของมันหมดแล้ว สิ่งนี้ต่างหากมันถึงว่าไม่ติดในตัวเรา ในตัวเราไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการวิตกกังวล ไม่มีการรับภาระสิ่งใด เวลาเราไปช่วยเหลือเขามันก็เลยเป็นความช่วยเหลือแบบสะอาดบริสุทธิ์ เห็นไหม เขาจะรับก็เรื่องของเขา เขาจะไม่รับก็เรื่องของเขา

นี่ต่อหน้าลับหลังนะ โลกมันมีเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ในหัวใจเรามันก็มีหน้ามีหลัง มีวิชชา-อวิชชา แต่ถ้าเราทำของเราจนไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ข้างนอกมันจะมีเบื้องหน้า เบื้องหลังได้อย่างไร? ในเมื่อหัวใจเราไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เห็นไหม ทำไปโดยธรรมชาติ ทำไปด้วยความสะอาดบริสุทธิ์มันเป็นประโยชน์นะ ประโยชน์กับทั้งผู้ทำด้วย

ปฏิคาหก ผู้ให้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ ผู้รับรับด้วยความบริสุทธิ์ มันเป็นบุญกุศลมหาศาลเลย แต่ในเมื่อมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มันทั้ง ๒ ฝ่าย ทำอะไรมันก็ขัดแย้งกันไปหมดแหละ นี่ถึงว่าถ้ามันย้อนกลับมาเห็นประโยชน์ตรงนี้มันจะเห็นกุญแจ ถ้าเห็นกุญแจนะ กุญแจมันแก้ไขเราได้ มันเปิดความจริงของเราได้ ถ้ามันเปิดความจริงของเรามา เปิดหีบสมบัติในหัวใจของเราขึ้นมานะ แล้วหีบสมบัติทุกหีบมันเป็นอย่างนี้

หีบสมบัติหมายถึงภวาสวะ หมายถึงภพ นี่มันเป็นภพ ภพมันเป็นอาสวะ ๓ ถ้าเปิดหีบออก เปิดเปลือกมันออก ข้างในมันจะมีสมบัติ สมบัติของใคร? เห็นไหม พระอรหันต์แต่ละองค์ไม่เหมือนกันนะ พระอรหันต์แต่ละองค์อำนาจวาสนาแต่ละองค์ นี่จะสั่งสอนได้กว้าง-แคบต่างๆ กันไป แต่ความรู้จริงเหมือนกัน อริยสัจ ถ้าไม่มีวิชา ไม่มีอริยสัจขึ้นมา จะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้อย่างไร?

จิตนี้กลั่นมาจากอริยสัจ ตั้งแต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จิตนี่กลั่นออกมาจากอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จิตนี้มันกลั่นออกมา ถึงที่สุดแล้วมันต้องทำลายตัวจิต ทำลายหีบห่อทุกๆ อย่าง ทำลายหมดเลย เพราะตัวจิต เห็นไหม จิตนี้กลั่นออกมาจากอริยสัจ ถึงที่สุดแล้วตัวมันเองต้องทำลายตัวมันเอง พอมันทำลายตัวมันเองหมดไป นี่ความนิพพานที่มันสูญสิ้นออกไปมันไม่มีที่หมาย ไม่มีที่สมมุติ ไม่มีภวาสวะ ไม่มีสถานที่ตั้ง มารถึงหาไม่เจอ มารหาไม่เจอนะ แต่พระอนาคามีไปเกิดบนพรหม นี่อวิชชา ตัวพญามารมันยังควบคุมได้เพราะมันมีฐานที่ตั้ง แต่ถ้ามันทำลายหีบห่อทั้งหมดแล้วมันหมดออกไป เห็นไหม นี่สิ่งนี้มันเกิดจากใจของเรา ถ้ามีกุญแจ กุญแจคือภวาสวะ ตัวภพ ตัวหีบห่อ แล้วเราไม่เจอมันแล้วเราจะไปแก้กันที่ไหน? เอาอะไรไปไขมัน? เอาอะไรไปศึกษามัน?

ศึกษาก็ศึกษาจากทุกข์ของเรา ศึกษาจากใจของเรา ศึกษาตัวเอง ทำลายตัวเอง แล้วมันจะสะอาดที่ตัวเรา ทำที่นี่ ทำได้ รู้ได้ แล้วจะเข้าใจว่ากุญแจใจของเรามันจะเป็นอย่างไร เอวัง